How toการดูแลผิวในช่วงวัยที่ 20,30,40 - Beauty See First

การดูแลผิวในช่วงวัยที่ 20,30,40 – Beauty See First

การดูแลผิวในช่วงวัยที่ 20,30,40

ริ้วรอย ปัญหาผิวในช่วงวัย 20, 30, 40 และ 50+ – Minus 20

นอกจากความต่างของผิวแต่ละบุคคลที่ปัจจัยและปัญหาที่ต่างกันแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าในช่วงวัยที่แตกต่างของคนคนเดียวกันก็มีความต้องการในการดูแลผิวแตกต่างกันออกไป เพราะในแต่ละช่วงวัย 20 ,30 และ 40 นั้นนอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและวัยที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลต่อผิวในแง่มุมที่ต่างกันออกไป แถมคนในแต่ละช่วงวัยมักจะมีไลฟสไตล์การใช้ชีวิตที่อาจต่างกันอยู่ไม่มากก็น้อยซึ่งเการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันล้วนมีผลต่อผิวสูงมาก นั้นถึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหลายครั้งเวลาไปหาหมอผิวหนัง คุณหมอจะเริ่มจากให้เราเล่าการใช้ชีวิตของเรามาทั้งหมดก็เพื่อที่จะเข้าใจถึงสภาพผิวของเราอย่างแท้จริง

เพื่อที่ให้สาวๆหรือจะเรียกหนุ่มๆคนสนิทด้วยก็ไม่ว่ากันเข้าใจการเลือกสกินแคร์และหลักการการดูแลผิวในแต่ละช่วงวัย เราเลยขอทำสรุปการดูแลผิวมาให้ที่รับรองว่าจะมีส่วนช่วยในการดูแลผิวที่ถูกต้องและผิวสวยแข็งแรงสุขภาพดีในระยะยาวได้ไม่ยากก่อนอื่นต้องบอกว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนวัยไหน มีปัญหาผิวในเรื่องไหนก็ตาม กฎเหล็กข้อสำคัญของการมีผิวสุขภาพดี รวมถึงการช่วยจัดการกับปัญหาที่กังวลใจให้อยู่หมัดและยั่งยืนก็คือการให้ความสำคัญกับการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน อย่างการทำความสะอาดผิวให้หมดจรดทั้งเช้าเย็น, การบำรุงเติมความชุ่มชื่น และการปกป้องผิวจากแสงแดด พูดแล้วดูเหมือนจะธรรมดาๆ แต่รู้ไหมว่า การดูแลธรรมดาๆที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญหากใส่ใจทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน เช้า-เย็นนั้นมีผลอย่างมากกกกกกกก ขอเน้น ก ไก่หลายๆตัวเลย กับสุขภาพผิวของเรา เพราต่อให้ใช้สกินแคร์แพงล้ำแค่ไหน แต่ถ้าขาดการดูแลแบบต่อเนื่องก็ไม่ได้ผลอยู่ดีนะ!

ความสำคัญของการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน หากให้เปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ขั้นตอนเหล่านี้เหมือนเรื่องจำเป็นที่เราต้อง อาบน้ำ กินข้าวดื่มน้ำ และนอนหลับพักผ่อนนั้นแหละ หากขาดอันไหนไปร่างกายไม่รอดแน่และคงได้พบคุณหมอในเร็ววัน ผิวก็เหมือนกันหากเราดูแลสุขภาพผิวพื้นฐานได้เป็นอย่างดี ก็จะส่งผลโดยตรงต่อผิว ข้อแรกเลยแหละปราการของผิวจะแข็งแรงทำให้พร้อมแก่การปกป้องผิวจากการทำร้ายจากปัจจัยภายนอกอย่างสภาพอากาศและมลภาวะที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ระคายเคืองตามมา นอกจากนี้เมื่อผิวแข็งแรงพอกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติก็จะทำงานได้ดีขึ้น ก็จะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาผิวต่างๆ ทำให้ผิวในอุดมคติของเรา ที่ดูอิ่มฟู เปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป…

เมื่อพูดถึงเรื่องพื้นฐานกันไปแล้วคราวนี้ขอเข้าเรื่องการดูแลผิวในแต่ละช่วงวัยเลยก็แล้วกัน มาค่ะตามมา

การดูแลผิวในช่วงวัย 20+

ริ้วรอย ปัญหาผิวในช่วงวัย 20, 30, 40 และ 50+ – Minus 20

ก็ตามอายุนั้นแหละเนอะสาวในวัยแรกแย้มเป็นสาวแบบเต็มตัว ดังนั้นในวัยนี้ก็จะยังไม่พบปัญหาผิวใดๆเท่าไหร่นัก (นอกเหนือจากใครที่มีเรื่องสิวจากฮอร์โมนหรืออาการแพ้นะ)ในวัยนี้คอลลาเจนและอิลาสตินของผิวยังแข็งแรง ผิวเลยดูอิ่มฟู เต่งตึงและก็ดูอ่อนเยาว์ตามวัยดังนั้นการบำรุงจึงไม่ต้องเน้นอะไรมากมาย แนะนำให้บำรุงผิวตามขั้นตอนพื้นฐานอย่าให้ขาดทั้งเช้า-เย็น เสริมด้วยการสครับผิวบ้างก็จะช่วยให้ครีมบำรุงทำงานได้ดีขึ้น เซรั่มอาจจะยังไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก แต่ถ้าใครมีเรื่องกังวลใจจะเลือกใช้ก็ได้ เพราะการบำรุงในวัยนี้หากทำได้ดี ก็จะช่วยส่งผลดีต่อผิวในระยะยาวซึ่งก็ช่วยคงสภาพไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัยเมื่ออายุมากขึ้น

แต่ในวัยนี้อาจจะต้องระวังสักนิด เชื่อว่าเป็นช่วงวัยที่กำลังค้นหาตัวเอง สนุกกับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ดังนั้นหากช่วงไหนใช้ชีวิตเต็มที่แบบสุดๆ พักผ่อนน้อย หรือขาดการบำรุงมากลองเลือกใช้มาสก์บำรุงผิวช่วยเสริมในช่วงที่จัดหนักไปหน่อย อารมรณ์เหมือนเติมวิตามินให้ร่างกาย

การดูผิวในช่วงวัย 30+

วิธีรับมือกับริ้วรอยของสาววัย 30 up แม้อายุเริ่มมาก ก็ไม่

อย่างที่รู้กันในวัยนี้เป็นวัยที่เราจะเริ่มเห็นสัญญาณของความแก่ อย่าหาว่าใจร้ายเลยเพราะนี่คือเรื่องจริง บางคนที่ไม่ค่อยใส่ใจการดูแลผิวอาจจะเริ่มเห็นปัญหาผิวมาตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ปลายๆแล้ว ในวัยนี้ความคอนลาเจนและอิลาสตินจะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัย ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื่นในผิวลดลงทำให้ดูแห้งกร้าน ไม่ยืนหยุ่นเหมือนเคย ซึ่งความไม่เต็งตึงก็จะส่งผลต่อภาพรวมของผิวภายนอกที่ดูแห้งเหี่ยวไม่สดใส ดูไม่ปล่งปลั่ง นอกจากนี้ความสามารถในการฟื้นฟูหรือผลัดเซลล์ผิวเองตามธรรมชาตินั้นก็จะทำได้น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนแต่ก่อนและใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูที่มากขึ้นด้วย

ทำให้สาวๆในวัยนี้ยังเป็นวัยที่กลับมาเป็นสิวได้ด้วย! (ไม่ใช่แค่วันแตกสาวเท่านั้นนะที่จะเป็นสิวได้) เพราะเมื่อความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวเก่าทำได้ยากขึ้นก็ทำให้ก่อให้เกิดการอุนตันของไขมันและสิ่งสกปรกในผิวได้มากขึ้น เมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดออกไปได้หมด ก็ทำให้เกิดอาการอักเสบในผิวและก่อให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้นั้นเอง

ดังนั้นขั้นตอนการดูแลผิวในวัยนี้เราแนะนำให้เริ่มจากการเพิ่มขั้นตอนการช่วยผลัดเซลล์ผิวเข้าไปในรูทีนการดูแลผิวรายสัปดาห์ เราแนะนำให้เลือกผลัดเซลล์ผิวแบบ Peeling ด้วยกรดจำพวก AHA แต่ถ้าใครบอบบางแพ้ง่ายจะเลือกเป็นสครับธรรมดาก็ได้เช่นกัน แต่ควรหมั่นทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนการบำรุงผิวสามารถยึดตามขั้นตอนการดูแลพื้นฐานได้ แต่เสริมสกินแคร์จำพวกเซรั่มเข้มข้น เราแนะนำให้เลือกเป็นเซรั่มในกลุ่ม Anti-aging ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือจะเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของRetinol ก็ได้เช่นกัน

และท้ายที่สุดในวัยนี้เนื่องด้วยเป็นวัยที่โตขึ้นแน่นอนว่าภาระหน้าที่รวมถึงหน้าที่การงานก็สูงขึ้นไปตามวัย เพื่อผ่อนคลายตัวเองบ้าง จะลองเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนช่วยผ่อนคลายผิวก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย หรือจะเลือกเป็นสกินแคร์ที่มีกลิ่นหอมแนวอะโรม่าก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะความเครียดก็ทำให้หน้าโทรมได้นะ

การดูแลผิวในช่วงวัย 40+

ริ้วรอย ปัญหาผิวในช่วงวัย 20, 30, 40 และ 50+ – Minus 20

จะเรียกว่าเดินทางมาครึ่งชีวิตแล้วคงไม่ผิดเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าในวัยนี้ความเสื่อมสภาพของผิว (รวมถึงร่างกาย)ก็ร่วงโรยไปตามวัย คอลลาเจน อิลาสตินก็สลายไปตามวัยที่เพิ่มมากขึ้นดังนั้นในข้อนี้ก็จะส่งผลต่อผิวโดยตรง ทำให้ผิวดูหย่อนคล้อยไม่ตึงกระชับ บวกกับความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื่นในผิวก็ลดลงไปด้วยตามช่วงวัยที่เพิ่มขึ้นดังนั้นริ้วรอยร่องลึกจึงมีมาให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อพูดถึงแนวทางในการดูแลผิวแล้ว เรายังคงยืนยันให้เน้นการบำรุงขั้นพื้นฐานอยู่เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมามองหาเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะมอยส์เจอไรเซอร์ที่เลือกใช้ในตอนกลางคืนสาเหตุก็อย่างที่ว่าไปคือเรื่องการสูญเสียความชุ่มชื่นและความสามารถในการกักเก็บน้ำในผิว เนื้อที่เข้มข้นขึ้นก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ส่วนใครที่ผิวมัน เราแนะนำให้เลือกเป็นเนื้อที่เบาขึ้นได้ แต่สามารถเลเยอร์เพิ่มขั้นตอนพวก pre-serum หรือจะเลือกใช้เป็นพวกน้ำตบก่อนบำรุงผิวก็ได้เช่นกัน เพราะสกินแคร์จำพวกนี้จะทำหน้าที่ในการเติมน้ำพร้อมช่วยเตรียมผิวให้พร้อมแก่การรับสารบำรุงในขั้นตอนอื่นๆลงได้ล้ำลึกขึ้น และสามารถเสริมในเรื่องความชุ่มชื่นด้วยการเลือกใช้เป็นออยล์บำรุงผิว หรือจะเลือกเป็นเซรั่มเนื้ออยล์ก็ได้เช่นกัน เพราะน้ำมันธรรมชาตินอกจากจะช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวแล้ว ยังสามารถช่วยในการปรับสมดุลในผิวให้น้ำและน้ำมันในผิวบาลานซ์ ทำให้ผิวไม่มันหรือแห้งจนเกินไป หากถามถึงเซรั่มว่าควรเลือกแบบไหนดี จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับความกังวลเฉพาะเรื่อง เพราะแต่ละบุคคลก็มีความต้องการที่ต่างกันออกไป แต่ถ้าให้แนะนำจริงๆ นอกเหนือจากเซรั่มในกลุ่ม anti-aging เราแนะนำเป็น Peptide Serum เพราะเปปไทด์มีคุณสมบัตเด่นในการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้ผิวดูยืนหยุ่ยอิ่มฟู ผลลัพธ์ก็คือผิวดูอ่อนเยาว์

Credit Photo: Getty Images

บทความที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใหม่ล่าสุด

More article