กินยาอย่างไรให้ถูกวิธี
ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าสภาพแวดล้อมของบ้านเรามันโหดร้ายจริงๆ ไหนจะฝุ่น ไหนจะโรค บอกเลยว่าอยู่ยากขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นการรับประทานยาเลยกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเพื่อให้ยาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เรามาเรียนรู้วิธีการทานยาที่ถูกต้องกันดีกว่าค่ะ!
รับประทานก่อนเวลาอาหารอย่างน้อย 30 นาที หากลืมรับประทานยา สามารถรอประมาณ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารเพื่อรอให้ท้องว่าง แล้วจึงทานยาที่ลืม หรือเวลาที่ต้องรับประทานยาใกล้กับมื้อถัดไป สามารถข้ามยาที่ลืม แล้วรับประทานยามื้อต่อไปตามขนาดปกติได้ โดยไม่ต้องรับประทานยาซ้ำ
ยาระหว่างอาหาร
ยาชนิดนี้ให้รับประทานหลังจากทานอาหารไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ยาหลังอาหาร
ควรรับประทานยาหลังมื้ออาหารประมาณ 15 – 30 นาที หากลืมรับประทานยา ควรรอรับประทานหลังมื้ออาหารถัดไป
ยาหลังอาหารทันที
ยาประเภทนี้ควรรับประทานหลังทานอาหารเสร็จทันที เพราะอาจมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้
ยาก่อนนอน
ควรรับประทานก่อนเวลาเข้านอน 15 – 30 นาที
ยาที่ต้องเคี้ยวก่อน
ควรเคี้ยวหรือบดยาให้ละเอียดก่อนกลืน เพื่อให้ยากระจายตัวได้ดี เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานของยาทำงานได้ดี
ยาที่ทำให้ง่วงซึม
หลังรับประทานยาประเภทนี้ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถ การทำงานกับเครื่องจักรกล และระมัดระวังอุบัติเหตุ
ยาที่ต้องดื่มน้ำตามมากๆ
หลังรับประทานยาชนิดนี้ควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
ยาที่แนะนำให้ทานซ้ำทุก 4 – 6 ชั่วโมง
ยาประเภทนี้ไม่ควรทานซ้ำก่อนครบ 4 – 6 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ระดับของตัวยาในกระแสเลือดสูงเกินไปจนส่งผลข้างเคียงได้
ยาที่ต้องรับประทานติดต่อกันจนหมด
ควรรับประทานติดต่อกันให้เหมาะตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันอาการดื้อยา เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ
ยาที่ทานแล้วไม่ควรนอนทันที
ยาชนิดนี้มักจะมีผลให้หูรูดระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหารปิดไม่สนิท หลังทานยาควรนั่งหลังตรงทิ้งเวลาประมาณ 30 – 60 นาที
ยาทานตามอาการ
เป็นยาที่ใช้รับประทานเฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องทานต่อเนื่อง เช่น ยาพาราเซตตามอล
นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตในการรับประทานยาอยู่อีก นั่นคือ เราไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น และควรสังเกตลักษณะของเม็ดยา ว่าไม่มีการแตกร่วน เปลี่ยนสี ขึ้นรา เยิ้มเหนียว หรือมีกลิ่นผิดปกติ หากเป็นยาชนิดแคปซูลจะต้องไม่บวมพอง จับตัวเป็นก้อน หรือผงยาด้านในเปลี่ยนสี ส่วนยาชนิดน้ำต้องไม่มีลักษณะจับตัวเป็นตะกอน ก้อนแข็ง เป็นต้น อย่างไรก็ตามการทานยาเป็นเรื่องที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจการใช้งาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา