กินไก่แล้วเป็นเก๊าท์ จริงหรอ? ไขข้อสงสัยไปพร้อมกัน
กินไก่แล้วเป็นเก๊าท์ จริงหรอ?! คำถามที่ถูกค้นในกูเกิ้ลเยอะเช่นกัน ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ความจริงเลยแม้แต่น้อย โดยสาเหตุจริงๆ ของโรคเก๊าท์นั้นเกิดจากการสะสมกรดยูริกในเลือดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกิดเป็นผลึก และไปสะสมอยู่ในข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดบวมอย่างรุนแรงได้
แล้วกรดยูริกในร่างกายเกิดจากอะไรกันนะ?
- กรดยูริกนั้น เปรียบเสมือนของเสียในร่างกาย ที่เกิดจากกระบวนการย่อยสลายของเสีย และเซลล์ที่หมดอายุลง
- อีกส่วนน้อยเกิดจากการย่อยสารอาหารที่มีกรดยูริก และโปรตีนผสมอยู่
โดยกรดยูริกนั้นจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านการขับถ่าย ซึ่งร่างกายของแต่ละคนจะมีกรดยูริกอยู่ประมาณร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 20 มักจะได้รับจากอาหารที่ทานเข้าไป โดยการสะสมที่เกิดขึ้นในร่างกายนั้น ก็มักมาจากการผลิตกรดยูริกมากเกินไป หรือไตทำหน้าที่ขับกรดยูริกออกมาได้น้อยกว่าปกติ
อาหารอะไรบ้างที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเก๊าท์
สำหรับอาหารที่มีความเสี่ยง และมีกรดยูริกสูงนั้น ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคเก๊าท์ได้ แต่ก็ไม่ได้มีผลมากเท่ากับกรดยูริกในร่างกาย โดยมีตั้งแต่เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เช่น ไข่ปลา กุ้ง และหอย ถั่วบางชนิด เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว และถั่วเหลือง รวมไปถึง ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้ เห็ด และชะอม นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มน้ำหวานที่มีน้ำตาลฟรุกโตส ก็ยังมีกรดยูริกสูงเช่นกัน
วิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงจากโรคเก๊าท์
เนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมกรดยูริกในร่างกายได้โดยตรง จึงทำให้ป้องกันโรคชนิดนี้ได้ค่อนข้างยาก แต่ก็สามารถควบคุมได้ โดยไม่ทานอาหารที่มีกรดยูริกในปริมาณสูงทุกวัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลร่างกายไม่ให้น้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน รวมไปถึงหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมด้วยล่ะ
สรุปว่า การทานไก่เยอะ “ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของโรคเก๊าท์” แต่สำหรับใครที่เป็นโรคเก๊าท์อยู่แล้ว ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการทานไก่ เพราะว่าการทานโปรตีน หรืออาหารที่มีกรดยูริกสูงก็อาจทำให้อาการกำเริบได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นเก๊าท์จึงไม่ควรทานไก่นั่นเอง สำหรับคนที่ไม่ได้เป็น ก็สามารถทานได้ตามปกติ แต่ก็อย่าทานเยอะเกินไป เพราะจะทำให้อ้วนได้นะคะ