How toส่วนผสมที่ห้ามใช้ด้วยกัน ถ้าไม่อยากหน้าพังต้องฟังไว้ - Beauty See First

ส่วนผสมที่ห้ามใช้ด้วยกัน ถ้าไม่อยากหน้าพังต้องฟังไว้ – Beauty See First

ส่วนผสมที่ห้ามใช้ด้วยกัน ถ้าไม่อยากหน้าพังต้องฟังไว้

สกินแคร์ที่ห้ามใช้ร่วมกัน ถ้าไม่อยากหน้าพัง ต้องรู้

คนนี้ว่าดี คนนั้นว่าใช่ ฟังแล้วก็อยากใช้ตามเลยว่าไหมคะ? ช้าก่อนอย่าเพิ่งใจร้อนและด่วนตัดสินใจ เพราะถ้าคุณไม่อยากผิวพัง ไม่ใช่แค่เลี่ยงส่วนผสมที่ระคายเคืองเท่านั้น ส่วนผสมที่ดีแต่เมื่อไปเจอกับส่วนผสมที่ไม่เข้ากันก็ควรระวัง เพราะนอกจากผิวจะพัง เสียตังรักษาแล้ว ยังต้องมาเสียสุขภาพจิต ทนรับกับสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกด้วย

Vitamin C + Benzoyl Peroxide = ยิ่งอักเสบ ยิ่งระคายเคือง สาวเป็นสิวน่าจะคุ้นกับเจ้า Benzoyl Peroxide หรือ BPO สารตัวนี้ไม่ควรใช้คู่กับวิตามินซี เพราะจะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ด้วย BPO ที่มีฤทธิ์ในการกัดผิว ละลายหัวสิว บางครั้งใช้แล้วเกิดอาการแสบ แดง คัน ระคายเคือง พอมาเจอตัววิตามินซีที่ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวด้วยแล้ว ไม่อยากคิดสภาพ ใจเย็นๆ นะคะ เลิกใช้ BPO ก่อน จากนั้นค่อยใช้วิตามินซีจะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งสุขภาพดี

Salicylic + Glycolic = ผิวแห้งลอกง่าย และไม่แข็งแรง

อย่าให้ต้องเจอกันเลยค่ะ สองตัวนี้ผลัดเซลล์ผิวดีมากๆ เป็น AHA และ BHA ที่เราไม่รู้ได้เลยว่าเค้าใส่ในสกินแคร์มาใน % ที่สูงขนาดไหน หากค่าการผลัดเซลล์ผิวยิ่งมาก พอมาเจอกันก็ดับเบิ้ลเข้าไปอีก แทนที่จุดด่างดำ ริ้วรอยจะหาย ผิวกลับแห้ง เพราะสูญเสียน้ำมากเกินไป ทางที่ดีเลือกสักตัวและไม่ควรใช้ติดต่อกันทุกวัน หรือใช้เกิน 14 วันติดต่อกัน

Retinol + Vitamin C = ไม่คุ้มค่าเมื่อใช้ด้วยกัน

สองตัวนี้แน่นไปด้วยสรรพคุณที่ทั้งลดริ้วรอย ปรับผิวให้สดใส กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวดูมีน้ำมีนวล แต่เพราะทั้งสองทำงานที่ค่า pH ไม่เท่ากัน อย่างเรตินอลจะทำงานได้ดีกว่าวิตามินซีถึง 3 เท่า การใช้ 2 ตัวพร้อมกันนอกจากจะไม่ช่วยให้ผิวดีขึ้นแล้ว ยังไปลดประสิทธิภาพของส่วนผสมทั้งสองตัวแทน พูดให้เข้าใจง่าย คือ ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ฉะนั้นเราแนะนำให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่าค่ะ

Vitamin C + AHA = ผิวเสียสมดุล ได้ผลลัพธ์ไม่เต็มที่

เป็นส่วนผสมที่ให้ประโยชน์ และผลลัพธ์ที่ดีกับผิวทั้งคู่ เวลาแยกกันอยู่แต่ละตัวจะดูสวยมาก แต่พอมารวมกันเมื่อไหร่ ค่า pH ของผิวจะเสียสมดุลเนื่องจากมีความเป็นกรดสูงเกินไป แต่โชคดีที่ไม่ถึงกับทำให้ผิวระคายเคือง เพียงแต่ AHA หรือ กรดผลไม้จะทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินซีลดลง เวลาเราเสียเงินซื้อสกินแคร์แพงๆ ก็อาจจะออกฤทธิ์ได้ไม่ดีพอกับเงินที่จ่ายไป ทางที่ดีใช้ตัวใดตัวหนึ่งให้หมดก่อน และอยากลองอีกตัวค่อยว่ากันจะดีกว่าค่ะ

Retinol + Scrub = ผิวแห้งบาง ยิ่งระคายเคือง
เพราะเรตินอลเป็นส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ปรับผิวกระจ่างใส และลดริ้วรอย ซึ่งมีความไวต่อแสง บางคนอาจจะเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย และมีผิวแห้งลอกแดงได้ หากใช้สครับในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเนื้อแบบไหน นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อผิว ยังทำให้ผิวยิ่งแห้ง และระคายเคืองได้ง่ายกว่าเดิม

AHA/BHA + Retinol = ไวต่อแดด ผิวคล้ำ เกิดผื่นแดงได้ง่าย

AHA/BHA คือ ส่วนผสมที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ในขณะที่เรตินอลก็เป็นกรดวิตามินเอที่ช่วยลดริ้วรอย และผลัดเซลล์ผิว  ถ้าเอามาใช้ด้วยกันก็จะยิ่งผลัดเซลล์ผิวคูณสอง ที่คิดว่าผิวจะกระจ่างใสอาจจะไม่เป็นผล แถมยังทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำขึ้นด้วย เนื่องจากกรดของทั้งคู่พอมาเจอกันจะยิ่งทำให้เป็นผื่นแดง ระคายเคือง และไวต่อแสงแดดทำร้ายมากขึ้น

Niacinamide + Vitamin C = ไม่ขาวขึ้นแล้วยังทำให้ผิวคล้ำได้

Niacinamide หรือ ที่หลายคนรู้จักในชื่อวิตามินบี 3 มีคุณสมบัติ เหมือนกับวิตามินซี คือ ช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใส การนำสองส่วนผสมมาใช้ด้วยกันไม่ได้หมายความว่าเราจะผิวขาวขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม อาจทำให้ผิวเราหมองคล้ำได้ เพราะ เหมือนการลดประสิทธิภาพของทั้งสองส่วนผสมลง


Vitamin B3 + AHA = ไม่ระคายเคือง แต่ก็ไม่เกิดผลดี

วิตามินบี3 เป็นสารที่ช่วยซ่อมแซมและปรับโครงสร้างผิว ซึ่งทำงานได้ดีในผิวที่มีค่า pH เป็นกลาง ส่วน AHAเป็นสารที่ทำให้ค่า pH ไม่สมดุล เมื่อเราใช้สกินแคร์ที่มี AHA ในปริมาณมาก กรดที่ชื่อ Nicotinic Acid จะถูกผลิตออกมา ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว การใช้สารสองตัวนี้พร้อมกันอาจจะไม่ได้ทำให้เกิดอันตราย แต่ก็ไม่ได้เกิดผลดี ฉะนั้นเพื่อไม่เป็นการสิ้นเปลืองใช้ทีละอย่างจะดีกว่าค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใหม่ล่าสุด

More article