เลเซอร์ VS เมโส การทำงานและผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร
เลเซอร์ คือ การรักษา ส่วนเมโส คือ การบำรุง ฉะนั้นเลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวเรากระจ่างใสโดยตรง แต่เลเซอร์ ช่วยลบรอยสิว ให้ผิวโดยรวมดูสม่ำเสมอ ทั้งยังลดริ้วรอย แก้ปัญหาผิวชั้นนอกให้มีความกระจ่างใสขึ้น ส่วนเมโสจะบำรุงที่ผิวชั้นใน เพื่อให้ผิวเดิมดีขึ้น แก้ปัญหาฝ้า กระ และลดริ้วรอย ทั้งยังมีความแตกต่างอีกมาก ฉะนั้นใครที่กำลังสงสัยว่าอยากดูแลผิว เพื่อผลลัพธ์แบบนี้จะต้องเลือกทรีทเม้นท์ไหนดี มาดูต่อกันได้ที่โพสต์นี้เลย
เลเซอร์ (Laser)
คือ การรักษาตามปัญหา ด้วยแสงและพลังงานจากเครื่องเลเซอร์ ช่วยลบรอย แก้ไขจุดบกพร่องที่ผิวชั้นนอก ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนยีนวัตกรรมของเลเซอร์ที่มากมาย ทำให้สามารถปรับตั้งค่าพลังงานของเครื่องเลเซอร์ เพื่อให้เกิดความร้อนเฉพาะภายในเซลล์ที่ต้องการเท่านั้น ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริเวณผิวที่ไม่ได้ทำ หรือ ต่อเนื้อเยื่อที่ดีโดยรอบ
เหมาะกับ : คนที่มีริ้วรอย ความหมองคล้ำ อยากลบรอยสิว ไม่ว่าจะรอยแดง รอยดำ ทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ที่ใช้ยิงเลเซอร์เฉพาะจุด ลบร่องรอยเฉพาะที่ปัญหาออกไปเท่านั้น
ข้อควรระวัง : การทำเลเซอร์อาจทำให้ผิวหน้าไวต่อแดด หรือระคายเคืองต่อครีมในกลุ่มไวเทนนิ่ง ผลัดเซลล์ผิว หรือที่เป็นกรด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการผิวระคายเคืองแพ้ง่าย หน้าแห้งเป็นขุย ทั้งนี้ผลลัพธ์ของเลเซอร์จะชัดเจนหลังทำ 2 อาทิตย์
เมโส (Meso)
คือ การฉีดวิตามิน หรือสารบำรุง เข้าไปดูแลฟื้นฟูผิว จะทำงานที่ผิวชั้นใน เป็นการทำงานที่ลงลึกกว่าเลเซอร์
ช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้ผิวเรียบสม่ำเสมอ การทำงานของเมโส คือ การให้สารที่ฉีดเข้าไปกระตุ้นเซลล์ และฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้น ผิวจะเต่งตึง เรียบเนียน ลดริ้วรอยต่างๆ ลดลง
เหมาะกับ : คนที่อยากบำรุงผิวให้กระจ่างใส เรียบเนียน กระชับ ปรับสีผิว รวมถึงลดริ้วรอย เป็นสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ แพทย์จะทำการฉีดสารเข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ถ้าทำอย่างต่อเนื่องผิวจะขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ข้อควรระวัง : หลังทำอาจเกิดรอยแดงจากเข็ม 1-3 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และผลลัพธ์จะชัดขึ้นใน 2 อาทิตย์ อยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน แนะนำฉีด ปีละ 3-4 ครั้ง
