คอลลาเจน กระตุ้นได้ด้วย 3 ส่วนผสมในสกินแคร์
คอลลาเจน คือโครงสร้างสำคัญอย่างหนึ่งของผิวที่ช่วยคงให้ผิวดูกระชับ มีความยืดหยุ่น ไม่มีริ้วรอย ดูอิ่มฟูสุขภาพดีราวกับผิวตอนเด็กๆ เลยก็ว่าได้ แค่คอลลาเจนมีตามธรรมชาติได้ก็หายไปได้เช่นกันเมื่อเราอายุมากขึ้น และจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การขาดการบำรุงผิวในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
แต่ก็ไม่ไช่ว่าทุกครีมจะช่วยได้ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมอีกด้วย ซึ่งจะมี 3 ส่วนผสมที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเราเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
3 ส่วนผสมสำคัญที่หาง่าย ใช้คล่อง กระตุ้นคอลลาเจน
- Vitamin C อย่างที่เรารู้ดีอยู่แล้วว่าส่วนผสมตัวนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูงมาก ซึ่งวิตามินซีมีหลายชนิดได้มาจากทั้งในธรรมชาติและสังเคราะห์ขึ้นทางเคมี โดยตัวที่มักจะเป็นสารตั้งต้นในการนำมาสังเคราะห์ที่เป็นที่นิยมคือตัว L-Ascorbic Acid ที่เป็นสารออกฤทธิ์ของวิตามินซีสังเคราะห์ ละลายน้ำได้ จึงเหมาะกับคนผิวมัน และมีผลกับผิวโดยตรง มีหน้าที่หลักเลยในการช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อชะลอความเสื่อมของเซลล์ ผลลัพธ์คือผิวเราก็เฟิร์ม กระชับขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยสมานแผลให้หายเร็วอีกด้วย
วิตามินซี L-Ascorbic Acid ที่อยู่ในรูปแบบสกินแคร์ ให้สังเกตหลังกล่องว่า มีคำนี้อยู่ในลิสต์ 5 ส่วนผสมแรกที่บอกหรือไม่ เพื่อดูว่ามีวิตามินซีชนิดนี้ในปริมาณสูงจริง รวมถึงตัวบรรจุภัณฑ์ควรจะบรรจุในขวดทึบแสงหรือมีสีชา เพื่อป้องกันวิตามินซีเสื่อมสภาพได้เร็ว และผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ เพราะตระกูลวิตามินซีนั้นถือว่ามีความเป็นกรด จึงอาจเกิดการระคายเคืองได้ในบางบุคคล
- Retinoids หรือวิตามินเอ เรียกว่าทุกรูปแบบเลย ทั้งที่อยู่ตามธรรมชาติ และเป็นกรดอนุพันธุ์วิตามินเอ ที่มักจะอยู่ในกลุ่มสกินแคร์ประเภทรักษาสิว และดูแลเรื่องริ้วรอย แต่กรดอนุพันธุ์ที่ว่านี้ จะมีหลายชื่อที่เรียกกันในวงการความงามที่เป็นสารประกอบที่อยู่ในตระกูลของ Retinoids นี่แหละ เช่น Tretinoin, Retinol, Retinaldehyde
วิตามินเอกระตุ้นคอลลาเจนได้เนื่องจากจะเข้าไปเสริมประสิทธิภาพของอิลาสตินในชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้น ปรับผิวให้เรียบ รูขุมขนดูกระชับ ริ้วรอยต่างๆ ก็จางลง นอกจากนี้ยังเด่นเรื่องรักษาสิวอย่างที่บอกไปแล้ว เนื่องจากพอเราใช้วิตามินเอที่มีคุณสมบัติละลายได้ในไขมันเข้าไปละลายและลดการผลิตไขมันจากต่อมไขมัน จึงลดการอักเสบของสิว นอกจากนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันหากใช้ในปริมาณมากไป ก็อาจทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองได้
- AHA ถือเป็นกรดที่ได้จากสารกัดธรรมชาติอย่างแท้ทรู เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว แต่หลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อฮิตๆ และมักอยู่ในสกินแคร์ เช่น Malic Acid, Lactic Acid, Glycolic Acid ฯลฯ เน้นการดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์จากการทำงานที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกจากชั้นผิวหนัง พอเมื่อไม่มีการตกค้างของเซลล์เก่า ผิวของเราจึงสุขภาพดีขึ้น มีเกราะป้องกันผิวที่แข็งแรงขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ริ้วรอยต่างๆ ก็จางลง และยังช่วยเสริมความชุ่มชื้นได้อีกด้วย
แต่ตัว AHA ก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมในการบำรุง คืออยู่ที่ประมาณ 10-15% ของส่วนผสม เนื่องจากยิ่งเข้มข้นมากยิ่งเสี่ยงให้เกิดการระคายเคืองได้สูง โดยเฉพาะคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งถ้าหากต้องการใช้สูงกว่านั้นควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังนะจ๊ะ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ถึงแม้ว่าทั้ง 3 ตัวจะมีคุณสมบัติคล้ายกันจากต่างแหล่งที่มากัน แต่ก็ไม่ควรใช้ร่วมกันนะ เพราะมันถือว่ามีความเป็นกรดเหมือนกัน กลายเป็นว่าแทนที่ผิวจะดีขึ้น ก็กลับแย่ลงและเสี่ยงผิวพังได้สูงมาก นอกจากนี้ยังควรเลือกใช้แค่ชนิดใดชนิดหนึ่งของแต่ละชนิด เช่น AHA ที่แบ่งออกได้อีกหลายชนิดอย่างที่พูดถึงไปแล้ว เราก็ควรเลือกใช้ชนิดใดชนิดหนึ่งนั่นเองจ้า
Credit Source: pharmacy, pobpad, thaicream, pharmabeautycare