ทุเรียน ผลไม้ยืนหนึ่งของไทย ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
ดูอะไรมีความสุขที่สุด? ก็ ดู-เรียน (Durian) ไง ไม่เชื่อลองหยิบมาทานสักเม็ดสิจ้า บอกเลยว่าดีกรีของทุเรียนก็ไม่ธรรมดานะ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ไทยที่ส่งออกเป็นอันดับหนึ่งในช่วงเดือนมกราคม – ตุลาคมปี 62 อยู่ที่ 42% ในขณะที่มังคุด และลำไยได้ลำดับถัดมา แต่เชื่อไหมว่านอกจากทุเรียนจะเป็นผลไม้ที่หลายคนคาดโทษไว้ว่าทานมากไปนั้นไม่ดี แต่แท้จริงแล้วถ้าเราทานอย่างพอดี หน้ากากทุเรียน เอ้ย ผลไม้ทุเรียนก็มีประโยชน์เช่นกัน
ทุเรียน ถือเป็นราชาของผลไม้ที่ไทยที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีให้เลือกหลายพันธุ์ ซึ่งเป็นผลผลิตเมื่อช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนของบ้านเราหรือช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม ขึ้นอยู่กับพื้นที่ในการปลูก นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้มีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ ซึ่งกลิ่นเฉพาะนี้มาสารประกอบกำมะถันที่ระเหยได้ และยิ่งทำงานเต็มที่เมื่อผลไม้สุก
ทุเรียนก็มีประโยชน์นะ
- ทุเรียนไม่มีคอเลสเตอรอล มีปริมาณไขมันที่ค่อนข้างมาก แต่เป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในการลดระดับไขมันในคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้ รวมถึงปรับสมดุลระดับความดันโลหิต ซึ่งต่างจากไขมัน(ไม่ดี)ที่ได้จากเนื้อสัตว์ และอาหารทะเลบางชนิด
- มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยระบบขับถ่ายได้ดี และลดอาการท้องผูก
- ให้พลังงานสูง หากเราทานทุเรียน 1 พูต่อวัน จะเทียบเท่ากับประมาณ 180 แคลอรี่ (เทียบเท่ากับข้าวหนึ่งทัพพีกว่าๆ) และร่างกายจะนำสารอาหารเหล่านี้ไปใช้ ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นผู้หญิงวัยทำงานจะต้องการพลังงานต่อวันอยู่ที่ 1,600 Kcal. แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะทานปริมาณของทุเรียนทีละเยอะๆ ตามพลังงานที่ร่างกายต้องการได้ เพราะอย่าลืมว่าในแต่ละวันเราก็รับพลังงานจากแหล่งอื่นๆ เช่นกัน จึงแนะนำว่า หากวันนั้นเรากินทุเรียน 1-2 ชิ้น ก็ให้ลดการทานแป้งลง แต่ยังคงทานโปรตีนได้ปกติ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราได้นั่นเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วยเช่นกัน
- มีวิตามินและแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะตัวสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง โพลีฟีนอลส์ และฟลาโวนอยด์ รวมถึงเบต้าแคโรทีน, วิตามินอี และวิตามินซี ยังช่วยเรื่องชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย
แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน
- น้ำหนักขึ้นง่าย เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงมาก อย่างทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่คนไทยชอบที่สุด จะมีแคลอรี่ประมาณ 150 – 200 แคลอรี่ ต่อน้ำหนักไม่เกิน 100 กรัม (พูขนาดกลาง) และเทียบปริมาณน้ำตาลเท่ากับ 5 ช้อนชาใน 1 พู
- ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง, ป่วยโรคเบาหวาน, โรคไต และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ไม่ควรทานเกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน หรือควรปรึกษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะในส่วนประกอบของทุเรียน มีทั้งปริมาณน้ำตาลสูง และแร่ธาตุโพแทสเซียมสูง จึงอาจทำให้ผู้ป่วยโรคดังกล่าวเกิดอาการทรุดลงได้ อีกทั้งยังเป็นผลไม้หน้าร้อน อาจทำให้ความดันสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
- ไม่ควรทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เพราะแอลกอฮอล์เองจะไปจับกับสารกำมะถันที่อยู่ในทุเรียน แล้วทำปฏิกิริยากันในร่างกายให้เป็นสารชนิดอื่นที่ไม่ใช่พลังงาน จึงอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ท้องอืด ไม่สบายตัว และหน้ามืดได้ จนไปถึงการอาเจียนร่วมด้วย
- ทานคู่กับเครื่องดื่มรสหวานจัดก็ควรระวัง เพราะเมื่อน้ำตาลสูงไปจับคู่กับน้ำตาลสูง จนร่างกายอาจได้รับน้ำตาลมากไป และสะสมเป็นไขมันทำให้อ้วนได้นั่นเอง
- นอกจากนี้ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทิธิ์ร้อน จึงอาจเกิดอาการร้อนใน หลายคนจึงมักจะทานควบคู่กับมังคุด ผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่ามีฤทธิ์เย็น เพื่อลดอาการร้อนใน และยังเป็นผลผลิตในช่วงฤดูร้อนเช่นกัน จึงหาซื้อทานง่าย
แล้วควรทานเท่าไรถึงจะดี
เคยมีการแนะนำปริมาณการทานทุเรียน โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ชะลอวัย ว่า ควรทานไม่เกินวันละ 1 พู และใน 1 สัปดาห์ไม่ควรกินเกิน 2 พูโดยเฉพาะ ในผู้ที่ไม่ออกกําลังกาย แต่ถ้าออกกําลังกาย เป็นประจําก็อาจกินได้มากกว่านั้น
แนะนำแนวทางการเลือกทานแต่กลัวอ้วน
การทานทุเรียนประมาณ 2 พูจะได้แคลอรี่เฉลี่ย 130 -200 kcal หรือประมาณข้าว 2 ทัพพี (160 แคลอรี่) โดยกว่า 50% ของพลังงานจากทุเรียน เป็นประเภทคาร์โบไฮเดรต ดังนั้นจากการสัมภาษณ์นักเวชศาสตร์การกีฬา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท คุณฟ้า วีนัส จึงได้แนะนำว่าหากเราทานทุเรียน ก็ต้องปรับการทานอื่นๆ ตามแบบฉบับคนอยากกินแต่กลัวอ้วน
- ควรลดปริมาณอาหาร 3 มื้อหลักที่กินประจำลงโดยเฉพาะในกลุ่มพวก แป้ง (คาร์โบไฮเดรต) เช่น ข้าว ขนมจีน ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่
- กลุ่มพวกไขมันก็ต้องลดเช่นกัน เช่น อาหารทอด กะทิ และอื่นๆ
- ทานกลุ่มโปรตีนได้ ปริมาณที่แนะนำสำหรับบุคคลทั่วไป คือ 1 เท่าของน้ำหนักตัว เช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีนต่อวันอย่างน้อย 50 กรัม แนะนำให้กินโปรตีนจากเนื้อปลา ไข่ ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ย่อยง่าย ไขมันต่ำ
- ควรออกกำลังกายร่วมด้วยง่ายๆ เช่น การเดินเร็วหรือวิ่งบริเวณบ้านต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที หรือสะสมอาทิตย์ละ 150 นาที หรือเพิ่มกิจกรรมทางกายง่ายๆ อย่าง การทำงานบ้านร่วมด้วย
“คนเราควรทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 กำมือ แต่สำหรับ “ทุเรียน” ไม่ต้องทานให้ถึงนะค่ะ”