How toน้ำตาลหรือไขมัน อะไรอันตรายมากกว่ากัน!?

น้ำตาลหรือไขมัน อะไรอันตรายมากกว่ากัน!?

น้ำตาลหรือไขมัน

ถ้าพูดเรื่องความอ้วนล่ะก็ ผู้ต้องหา 2 รายที่มักจะถูกเสนอชื่อ คงหนีไม่พ้นน้ำตาลและไขมันนี่แหละ เพราะเรามักจะเจอคู่หูคู่นี้ในอาหารแคลสูงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนม ของทอด อาหาร Junk food ต่างๆ แต่ถ้ามาดูแยกกันจริงๆ สองตัวนี้ใครร้าย ใครอันตรายมากกว่ากันนะ มาหาคำตอบกันค่ะ!

ไขมัน เป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นของร่างกาย ซึ่งให้พลังงานสูงกว่าสารอาหารอื่นๆ คือ ใน 1 กรัม ไขมันจะให้พลังงานมากถึง 9 แคลอรี่ ในขณะที่สารอาหารอื่นๆ มักจะให้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 4 แคลอรี่เท่านั้น แต่ก่อนจะกล่าวโทษไขมันว่าเป็นสาเหตุของความอ้วน เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ ว่าจริงๆ แล้วไขมันไม่มีอยู่แค่ชนิดเดียว แต่ไขมันมีทั้งแบบอิ่มตัว และไม่อิ่มตัว ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพแตกต่างกันเลยล่ะค่ะ

ไขมันร้ายแค่ไหน

ไขมันที่เป็นตัวร้าย ก็คือไขมันชนิดอิ่มตัว หรือ ไขมันทรานส์ ที่เป็นตัวการทำให้เกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และภาวะคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งมักพบไขมันชนิดนี้ในอาหารประเภทเบเกอร์รี่ ไขมันจากสัตว์ ไขมันจากนม เนย ชีส น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ เป็นต้น

ข้อดีของไขมันก็มีเหมือนกันนะ

ถึงโทษจะน่ากลัว แต่ร่างกายของคนเราก็ไม่สามารถขาดไขมันได้ เพราะไขมันเองก็มีความจำเป็น และมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • ไขมันทำให้อิ่มนานขึ้น โดยเฉพาะ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ที่มักพบในน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย และน้ำมันข้าวโพด จะช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ทำให้เราไม่รู้สึกหิวโหยเพราะน้ำตาลตก ส่วนกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ที่พบในปลาทะเล อาหารที่มีโอเมก้า 3 จะทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานถึง 2 ชั่วโมง
  • ไขมันใช้สร้างกล้ามเนื้อ การกินไขมันดีจะช่วยเพิ่มระดับของ HDL (High Density Lipoprotein) ซึ่งจะช่วยกระตุ้น Growth Hormone ในการสร้างอะมิโนแอซิดซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ
  • ร่างกายต้องใช้ไขมันในการดูดซึมวิตามิน วิตามินบางชนิดละลายแต่ในไขมัน เช่น วิตามิน A D E K ดังนั้นถ้าร่างกายขาดไขมันโดยสิ้นเชิง ก็จะไม่สามารถดูดซึมวิตามินเหล่านี้ได้เท่าที่ควร รวมทั้งไขมันยังมีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมนบางชนิดด้วย

เพราะฉะนั้น การไม่รับประทานไขมันเลยจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่เราควรเลือกรับประทานไขมันดีหรือไขมันที่ไม่อิ่มตัวแทน ซึ่งมักพบอาหารจำพวก น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน อโวคาโด หรือถั่ววอลนัท และควบคุมปริมาณการรับประทานไขมันให้เหมาะสม คือไม่เกิน 30 กรัมต่อวัน แค่นี้ไขมันกไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นแล้วค่ะ

น้ำตาลผู้ร้ายตัวจริงของความอ้วน

น้ำตาล เป็นสารให้ความหวาน ที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย และมีความจำเป็นต่อสมอง เพราะสมองของเราต้องการน้ำตาลกลูโคส 72.8 มิลลิกรัมต่อนาที อีกทั้งน้ำตาลยังสามารถช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกสดชื่น และมีกำลัง กระปรี้กระเปร่า แต่อย่างไรก็ตาม การรับประทานน้ำตาลมากเกินพอดี สามารถส่งผลเสียได้อย่างน่ากลัวทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น

  • ความเสี่ยงภาวะโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ระบบการย่อยอาหารไม่ดี มีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป ทำให้ฟันผุ
  • น้ำตาลที่สะสมในร่างกาย จะถูกเก็บไว้ที่ตับ แต่หากมีปริมาณมากเกิน ตับจะส่งไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน นำไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก ก้น หน้าท้อง ขา ต้นขา หรือเป็นที่มาของความอ้วนนั่นเอง
  • น้ำตาลทำให้เลือดมีสภาพเป็นกรดมากเกินไป ทำให้ร่างกายไม่สมดุลสมดุล

เพราะฉะนั้นทางที่ดีเราควรจะเข้มงวดกับการควบคุมปริมาณน้ำตาลที่รับประทานในแต่ละวัน ไม่ให้เกิน 24 กรัมหรือประมาณ 6 ช้อนชาเท่านั้น แค่นี้ก็ลดความเสี่ยงสารพัดโรคไปได้เยอะแล้วล่ะ!

ขอบคุณข้อมูลจาก มหาวิทยาลัยมหิดล , RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใหม่ล่าสุด

More article