ปัญหาผิวแบบไหน ที่ Thermage แก้ได้บ้าง?
หลายคนน่าจะพอคุ้นหูกันบ้างกับเทคโนโลยีแก้ปัญหาผิวอย่าง Thermage แต่ก็อาจจะยังมีความสงสัยว่าเทอร์มาจ จริงๆ สามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง วันนี้เราก็เลยขอนำ 3 ปัญหาผิวยอดฮิตที่เทอร์มาจสามารถจัดการได้มาให้ดูกัน
Thermage คืออะไร
เทคโนโลยีที่ทำงานโดยใช้การปล่อยคลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง (monopolar RF) ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอเมริกา ซึ่งปัจจุบันได้ผ่านการรับรองจากทั้ง อย. ไทย แล้ว โดยคลื่นพลังงานของเทอร์มาจจะเข้าไปในชั้นผิวหนังตั้งแต่ชั้นหนังกำหร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) และ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) โดยผลลัพธ์หลักๆ ของเทอร์มาจก็คือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และพลังงานความร้อนบางส่วนยังช่วยสลายไขมันสะสมใต้ชั้นผิวหนังได้ด้วย
- ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า ไม่อยากพักฟื้นนาน
- ปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้า ทำให้มีแก้มเยอะ มีเหนียง รูปหน้าดูอูมไม่มีมิติ
- ปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตา หางตาหรือหนังตาตก คิ้วตก ปัญหาถุงใต้ตา
- ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก รอยยับ รอยพับต่างๆ แต่ยังไม่อยากใช้วิธีการฉีด
- ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวในระยะยาว เพราะเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ปัญหาผิวกาย ที่ Thermage ช่วยได้
- ปัญหาผิวเปลือกส้ม มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด หรือ ผิวแตกลาย เช่น คุณแม่หลังคลอด
- ผู้ที่มีปัญหาหลังดูดไขมัน แล้วผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ สามารถทำเทอร์มาจช่วยได้
เห็นผลเมื่อไหร่ อยู่ได้นานไหม
หลังจากทำเสร็จทันที จะเห็นผลลัพธ์อยู่ที่ประมาณ 20-30 % ผิวจะกระชับขึ้น แน่นขึ้น แต่จะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ ในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากการรักษา เนื่องจากคอลลาเจนเกิดการสร้างใหม่แล้ว และผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี ตามสภาพผิว และการชีวิตประจำวัน จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้อยากเจ็บตัวบ่อยๆ นั่นเอง
สำหรับข้อจำกัดของคนที่เราไม่ขอแนะนำวิธีการแก้ปัญหาด้วยการทำ Thermage คือ ผู้ที่การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจรวมถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก The Clover Clinic และ Pongsak Clinic