ผลไม้แต่ละชนิด กินกี่ผลถึงจะเท่ากับ 100 แคลลอรี่
ผลไม้ ถือว่าเป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่เราขาดไม่ได้ เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายที่สูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ อีกทั้งยังให้พลังงานแก่ร่างกายได้อีกด้วย
ตัวอย่างผลไม้ที่ทานได้ในชีวิตประจำวันและมีประโยชน์
มะม่วง
เป็นผลไม้ยอดฮิตของเมืองไทย ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี โดยนำมารับประทานเป็นผลไม้สด ทั้งดิบและสุก ซึ่งประโยชน์ของมะม่วงนั้นก็มีเยอะแยะ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี หลายคนทานเป็นอาหารว่าง หรืออาหารจานหลัก ดังนั้น ต้องเทียบแคลอรี่ให้ดี และไม่ควรทานเยอะ ส่วนวิธีการกินให้ได้ประโยชน์ แนะนำว่าให้ทานหลังอาหารเย็น ยังช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
กล้วย
หลายคนคงกินกล้วยอยู่เป็นประจำ บางคนกินแทนข้าว หรือผสมกับซีเรียลก็มี โดยส่วนใหญ่แล้ว เราควรกินกล้วยก่อนอาหาร เพราะจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มจนกินข้าวลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่เคยกิน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน โดยแนะนำว่าควรกิน 1-2 ลูก ตอนเช้า และตอนเย็น
สับปะรด
หนึ่งในผลไม้เมืองร้อนยอดฮิตที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี6 ทองแดง ธาตุเหล็ก และโฟเลต แถมยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูก และลดภาวะบวมน้ำอีกด้วย แต่สับปะรดก็ยังเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรดค่อนข้างสูง จึงไม่ควรทานในช่วงที่ท้องว่าง หลังจากปอกเปลือกควรนำไปแช่น้ำเกลือสัก 2-3 นาทีก่อน เพื่อช่วยไม่ให้แสบลิ้น
แตงโม
ผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 92% ที่กินแล้วรู้สึกสดชื่นรวมไปถึงยังได้รับวิตามินและแร่ธาตุมากมาย โดยหลายคนอาจเลือกทานก่อนมื้ออาหารเพื่อให้รู้สึกอิ่ม เพื่อลดความอ้วน แต่จริงๆ แล้ว จะกินก่อนหรือหลังก็ได้ เพียงแค่กะปริมาณให้พอดี
นอกจากนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด แนะนําให้กินแตงโมให้หมด หลังปอกเปลือกเสร็จ หากกินไม่หมด ให้ใช้พลาสติกแรปห่อไว้ หรือใส่ภาชนะที่มีฝาปิด แล้วเก็บในตู้เย็น แต่ก็ควรกินให้หมดภายใน 7 วัน
สตรอว์เบอร์รี่
นอกจากรสชาติที่เปรี้ยวหวานอร่อยแล้ว ยังมีวิตามินซีและเอที่สูง และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และมีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องขับถ่าย นอกจากนี้ยัง ปราศจากไขมัน ทั้งยังมีปริมาณโซเดียมกับน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับคนที่อยากควบคุมน้ำหนัก แต่ยังอดหวานไม่ได้ แนะนำให้กินในมื้อเย็นเพราะเป็นมื้อที่ไม่ต้องใช้พลังงานมาก
องุ่น อีกหนึ่งผลไม้ที่ขึ้นชื่อได้ว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ค่อนข้างเยอะ รวมไปถึงวิตามิน ทั้งช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดความดันโลหิตสูง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และอื่นๆ อีกมากมาย โดยวิธีการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือ ห้ามลอกเปลือก เพราะมีสรรพคุณอยู่เช่นกัน
แล้วผลไม้ทั้ง 6 ชนิดนี้ กินกี่ผล ถึงจะเท่ากับ 100 แคลฯ กันนะ?
สุดท้าย เราควรที่จะเลือกทานผลไม้แต่ละชนิดให้ถูกวิธี หรือเหมาะสมกับร่างกาย เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว การทานผลไม้ยังถือว่าได้รับน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งเป็นเหมือนตัวช่วยเสริม และมีประโยชน์กว่าการทานของว่างที่มีไขมัน หรือน้ำตาลสังเคราะห์สูงอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ควรบาลานซ์ ไม่ให้ทานเยอะเกินไปอยู่ดี ถึงเป็นผลไม้ก็ควรกินให้พอเหมาะ และถ้านับแคลฯได้ ก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ