จากผิวโกลว์ใส สู่เทรนด์รองพื้นใหม่ ที่ไม่ควรน้อยกว่า 40 เฉดสี
เมื่อรองพื้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อกลบ หรือ ปกปิด แต่กลับเป็นตัวกำหนดทิศทางเทรนด์ผิวของผู้หญิงทุกคน จะเห็นได้ว่าจากแต่ก่อนเนื้อต้องแมตต์ ยิ่งปิดยิ่งดี ยิ่งแน่นยิ่งชอบ พอเข้าสู่ปี 2019 เทรนด์รองพื้นเปลี่ยนไปไวมาก ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นผลมาจากกระแสความงามในแบบ K-Beauty ให้ผิวที่แวววาวดูโกลว์ใส เนื้อที่ออกมาก็จะเริ่มให้ฟินนิชแบบเซมิแมตต์ เรื่อยมาถึงฉ่ำวาวตามเทรนด์ Glass Skin ซึ่งนี่แหละ คือ จุดเปลี่ยนที่ทำให้คนเริ่มมาสนใจความงามในแบบธรรมชาติ ไม่ปิดกระ ไม่ต้องปกปิดสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
ผิวต้องดูเป็นธรรมชาติ เหมือนผ่านการบำรุงมาอย่างดี
เกริ่นมาขนาดนี้คงเริ่มเห็นถึงกระแสรองพื้นที่ให้ความสำคัญกับผิวมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ? แต่ยังไม่จบค่ะ!!! หลายแบรนด์ต่างเริ่มไม่หยุดแค่การพัฒนาเนื้อให้บางเบา โชว์ผิว แต่มีการใส่ส่วนผสมในกลุ่มของสกินแคร์เข้าไป ไม่ว่าจะไฮยาลูรอน หรือ อินกรีเดี้ยนหลักของแบรนด์ ในรูปแบบ “รองพื้นที่ให้การบำรุง” ไปพร้อมกับปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้เห็นถึงการแต่งหน้าในแบบ “ผิวใสธรรมชาติ” หรือที่เรียกกันว่า “Makeup No Makeup” แต่งเหมือนไม่ได้แต่งนั่นเอง ยกตัวอย่างนางแบบบนรันเวย์ Spring 2020 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะ Fendi, Tory Burch, Marc Jacobs, Balmain และ Dior ที่แม้บางโชว์จะมีการใช้สีสันของเปลือกตา และริมฝีปากเข้ามาเป็นคีย์หลักของลุค แต่ก็ไม่ลืมที่จะแต่งผิวดูเป็นธรรมชาติ ไม่ปิดกระะ ไม่กลบริ้วรอย หรืออัดผิวให้แน่นจนดูอึดอัด ที่สำคัญเริ่มมีนางแบบหลากหลายเฉดเข้ามาสร้างความงามให้ดูมีความ Variety Shades มากขึ้นด้วย
จะเห็นว่าไม่ได้แค่การเทคนิคการลงรองพื้นที่เปลี่ยนไป หรือ การเลือกใช้รองพื้นเพื่อผิวที่ดูเป็นผิวเท่านั้น การเลือกนางแบบบนรันเวย์ก็แสดงถึงความหลากหลายทางความงามมากขึ้น มีการใช้นางแบบผมสั้น ตาชั้นเดียว และที่เห็นได้ชัดในหลายรันเวย์ คือ การเลือกนางแบบผิวสีมานำเสนอความงามในแบบที่เป็นตัวเอง ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อก่อน เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาอย่างมากกับเมคอัพอาร์ติสในการเลือกเฉดสีรองพื้นที่แมตต์กับผิวนางแบบ ทำให้เกิดการปลุกกระแสเทรนด์ความงาม Identity เรื่อยมาถึง Variety Shades จาก ริริ หรือ Rihanna ขุ่นแม่เจ้าของแบรนด์ Fenty Beauty เธอทำให้ผู้หญิงทุกคนตื่นตัว ไปกับการแต่งหน้าที่ไม่รู้สึกถึงความกดดัน ไม่รู้สึกแปลกแยก ไปหน้าเคาน์เตอร์แล้วต้องมีรองพื้นในเฉดของตัวเอง เราจะบอกว่า 40 เฉดของเธอในวันนั้น กุมใจสาวทุกสีผิว และเรียกความเชื่อมั่นในเฉดผิวของตัวเองให้กลับมาได้มาก
หลายแบรนด์ต่างเพิ่มเฉดสีรองพื้นให้มากขึ้น
ทำให้ปลายปี 2019 นี้ เราเริ่มสนุก และอินกับการแต่งหน้ามากขึ้น หลายแบรนด์ดังทยอยเพิ่มเฉดสีรองพื้นเข้ามาในไลน์เดิมบ้าง ทำรุ่นใหม่ออกมาให้สีเยอะขึ้นบ้าง อย่าง M.A.C ตอนนี้มีมากถึง 60 เฉดสี Bobbi Brown จากเดิมมีเฉดสีเยอะอยู่แล้ว ก็เพิ่มสีเข้มเข้ามาอีก ฟาก Maybelline, NYX หรือ 3ina ก็ไม่น้อยหน้า จัดขวดเรียงสีให้เลือกแมตต์กับสีผิวกันอย่างจุใจ หรือแม้แต่แบรนด์ใหญ่ Dior, Estee Lauder ก็เสริมทัพรองพื้นเข้าไปจนผู้เขียนเองก็เดาไม่ถูกแล้วว่าใครให้มากกว่ากัน!!!
เลือกรองพื้นมากเฉดไม่ยาก แค่รู้จักอันเดอร์โทนตัวเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นยังต้องให้ความสำคัญกับการเลือกรองพื้นตาม Skin Tone และ Under Tone มากขึ้น ว่าแล้วลองทดสอบกันดูไหมว่า ถ้าผิวแบบนี้ควรเลือกรองพื้นแบบไหน ยกตัวอย่างง่ายๆ C,N และ W ตัวอักษรที่แบรนด์หยิบเข้ามาใช้กับการออกรองพื้นที่ปริมาณมาก (โค้ดอาจต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์)
- C หรือ Cool คือ สีผิวในอันเดอร์โทนชมพู
- W หรือ Warm คือ สีผิวในอันเดอร์โทนเหลือง
- N หรือ Neutral คือ สีผิวในโทนธรรมชาติ
วิธีการเชคอันเดอร์โทนตัวเองก็ทำไม่ยาก แค่พลิกข้อมือดูสีของเส้นเลือด
- ผิวโทนชมพู (Cool) : เส้นเลือดสีม่วง หรือ น้ำเงิน
- ผิวโทนเหลือง (Warm) : เส้นเลือดสีน้ำเงิน หรือ เขียว
- ผิวโทนสีธรรมชาติ (Neutral) : เส้นเลือดสีเขียว หรือ เขียวขี้ม้า
ซึ่งโดยส่วนใหญ่สาวไทยจะมีอันเดอร์เหลือง และ เนเชอรัลมากกว่า การเลือกรองพื้นก็ไม่ยาก เลือกรหัสที่เป็นอันเดอร์โทนของตัวเอง จากนั้นค่อยดูที่ตัวเลข ยกตัวอย่าง ใครที่อันเดอร์โทรเหลืองก็สามารถเลือกรองพื้นในกลุ่ม W1, W2 หรือ W3 โดยตัวเลขข้างหลัง คือ สกินโทนนั่นเอง มาถึงตรงนี้เริ่มเห็นภาพชัดแล้วใช่ไหมคะ งั้นไปเลือกรองพื้นกันเลย
สารพัดแบรนด์ที่ออกรองพื้นมาไม่ต่ำว่า 40 เฉด
สารภาพว่าเราแอบดีใจที่ทุกแบรนด์ต่างให้ความสำคัญกับเฉดสีผิวที่หลากหลาย และส่งรองพื้นรุ่นใหม่ๆ ที่มีตัวเลือกของสีที่มากกว่าเดิม หรือ ก็ไปแอบเติมสีที่เข้ม ลงในไลน์รองพื้นเดิมเพื่อให้สาวๆมีทางออกในการแต่งผิวมากขึ้น ว่าแต่เคยได้ยินใช่ไหมคะ “รักเพื่อนช่วยเพื่อนเลือกรองพื้น” วันนี้มาลองดูกันสิว่า รองพื้นขวดไหนจะเหมาะกับคุณ
ผิวแบบเฮลธ์ตี้โกลว์ ด้วย 40 เฉด 6 อันเดอร์โทน
Dior Backstage Face & Body Foundation จาก Dior (1,650 บาท) มี 40 เฉดสี 6 อันเดอร์โทนผิว เนื้อแบบลิควิคทาได้ทั้งหน้าและตัว ให้ฟินนิชแมตต์ที่ผิวยังดูเฮลธ์ตี้โกลว์
ปกปิดคุมมัน กับ 24 เฉดในไทย 45 เฉดทั่วโลก
Teint Idole Ultra Wear Foundation จาก Lancome (1,950 บาท) ออกรองพื้นใหม่ 12 เฉด มาเสริมทัพเดิม 24 เฉด แต่ทั้งหมดจะมีถึง 45 เฉด ใครชอบคุมมันปกปิดต้องรุ่นนี้ ผิวสวยทั้งวันหน้าไม่มันเลย
40 เฉด เนื้อลิควิด บิ้วง่าย เนื้อเนียน
Power Play Foundation จาก Cover FX (1,950 บาท) รองพื้นเนื้อลิควิด 40 เฉดสี ให้ผลลัพธ์แบบเซมิแมตต์ ปกปิดปานกลาง บิ้วได้ถึงมาก เหมาะกับอากาศในไทย
จากเดิม 40 เฉด เปิดตัวใหม่ 52 เฉด ปกปิดปานกลาง
Double Wear Stay in Place Makeup จาก Estee Lauder (1,950 บาท) จากเดิม 40 เฉด เพิ่มเป็น 52 เฉด ให้การปกปิดปานกลาง เนื้อกึ่งแมตต์คุมมัน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
ปล่อยมาเพิ่มเป็น 60 เฉด สีผิวสวยแล้วยังให้ผิวธรรมชาติ
Studio Fix Fluid Foundation จาก M.A.C (1,600 บาท) ปกปิด บำรุง ให้ฟินนิชที่ดูเป็นธรรมชาติ ผิวที่ได้นอกจากดูสุขภาพดีแล้ว ความพิเศษ คือ การปล่อยสีมาเพิ่มจากเดิม 40 เป็น 60 เฉด
40 เฉดสีสวย ให้การปกปิดที่ยาวนานขึ้น
Amazonian Clay Foundation จาก Tarte (1,650 บาท) ออกรองพื้นมาเพิ่มเพื่อสาวผิวแทน และผิวเข้มทำให้ตอนนี้มี 40 เฉด ส่วนผสมเด่นจากดินในแถบลุ่มน้ำอเมซอนที่ทำให้รองพื้นติดทนนาน
ออกกล้องแล้วผิวสวย เลือกเลย 50 เฉด ของแม่ริริ
Pro Filt’r Soft Matte Longwear Foundation จาก Fenty Beauty (1,340 บาท) ออกตัวใหม่มาก็เริ่มที่ 50 เฉด คุมมัน อำพรางรูขุมขน ไม่อุดตัน ให้ปกปิดปานกลางไปถึงมาก ออกกล้องถ่ายรูปแล้วผิวสวย
สีไหนก็เป๊ะ เพราะมี 45 เฉด คุมมันกันเยิ้ม
Can’t Stop Won’t Stop Foundation จาก NYX มี 45 เฉด เนื้อแมตต์ปกปิดตลอดวัน คุมมัน กันน้ำ กันเหงื่อ กันเมคอัพไหลได้ดีมาก
ชอบสติ๊ก พกง่าย ใช้สะดวก ให้เลือก 1 ใน 40 สีนี้
Firm Flesh Stick Foundation จาก Flesh ถ้าชอบอะไรที่พกง่าย ใช้สะดวก ลองรองพื้นแบบสติ๊ก 40 เฉดสี มีให้เลือกตั้งแต่สว่างสุด ไปถึงเข้มสุด มาในเฉดผิวไหนก็รอด
The 24H Foundation จาก 3INA (1,350 บาท) รองพื้นเนื้อครีม 26 เฉดสี ปกปิดปานกลาง ไปถึงสูง เนื้อแมตต์แต่ให้ความเบาสบาย เป็นธรรมชาติกับผิว
24 เฉดรองพื้นของรุ่น แต่มากกว่ 42เฉดในแบรนด์
Skin Long-Wear Weightless Foundation SPF15 จาก Bobbi Brown (2,050 บาท) รุ่นนี้มี 24 เฉดสีที่หลากหลาย ให้การปกปิดปานกลาง แต่สามารถเพิ่มได้ คุมมัน ให้ผิวสวยติดทนเช้าถึงเย็น
สุดท้ายเราอยากจะบอกว่า ผู้หญิงทุกคนก็ย่อมมีความงามในแบบของตัวเอง เห็นได้จากการเริ่มมีนางแบบหลายเชื้อชาติ และต่างสีผิวขึ้นปกนิตยสาร ไม่ว่าจะ Naomi Campbell ซุปเปอร์โมเดลสีผิวรุ่นแรกๆ Lupita Nyong’O ผู้หญิงผิวสีที่สวยที่สุดในโลก ปี 2014 จากนิตยสาร People และยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ผิวสีคนแรกของลังโคม ตลอดจนการเดินรันเวย์ของนางแบบผิวสีในโชว์ต่างๆ ของ Spring 2020 อาทิ Fendi, Tory Burch, Marc Jacobs, Balmain และ Dior หรือแม้แต่ Zozibini Tunzi ที่เพิ่งได้รับตำแหน่ง Miss Universe 2019 ไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเทรนด์ความงามในปี 2020 ที่จะถึงนี้ ไม่ได้จำกัดแค่คำว่าขาวต้องสวย หรือ เฉดผิวไหนต้องดูดี ว่าแล้วมาลองลุ้นกันไหมคะ ว่าแบรนด์ไหนจะทำเฉดสีรองพื้นออกมาได้มากที่สุดในปีหน้านี้
