LIPSTICK REVIEW เมื่อ Dior และ Chanel เปิดตัวลิปสติกแท่งใหม่รุ่นไอคอนนิคในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สาวกบิวตี้อย่างเราเลยต้องกุมขมับ ตกลงแล้วควรเลือกชิ้นไหนดี มาค่ะ ถ้าใครคิดไม่ตก เลือกไม่ถูกรักพี่เสียดายน้อง ลองอ่านข้อมูลด้านล่างก่อนได้เผื่อช่วยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะบอกได้เลยว่าแม้จะเป็นลิปสติกเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบรนด์มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองที่โดดเด่น สไตล์ในจะใช่เราลองไปดูกันเลยค่ะ.. ส่วนผู้เขียนรักทั้งสองเลือกไม่ถูก ขอเก็บเธอไว้ทั้งสองคนแล้วกันค่ะ ก็ #ของมันต้องมี จะไม่มีได้ยังไงถูกไหมคะ ???? Dior Rouge Dior Couture Color Refillable Lipstick ลิปสติกรุ่นไอคอนนิคของแบรนด์ที่ตั้งใจแฝงดีเอ็นเอของห้องเสื้อ Dior ไว้อย่างแยบยล เลยทำให้ลิปสติกแท่งนี้มีเนื้อสัมผัสให้เลือกหลายหลากมากถึง ถึง 35เฉดสี 4 เนื้อสัมผัสที่แตกต่างเพื่อให้ทุกคนได้สนุกกับการแต่งหน้าไม่แพ้กับการแต่งตัว โดยเนื้อสัมผัสทั้ง 4 ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้ล้อกับเท็กซ์เจอร์ของเสื้อผ้า ที่มีทั้งเนื้อแบบซาตินที่ดูชุ่มชื่นนุ่มลื่นแบบผ้าซาติน เนื้อแมตต์ที่มีทั้งแบบแมตต์สดชัดเจน ไปจนถึงเนื้อแบบกำมะหยี่ นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัมผัสสนุกๆอย่างเนื้อเมทัลลิคเงาวาวที่ช่วยให้ริมฝีปากดูโดดเด่นชัดเจน ที่สำคัญความสนุปของลิปสติกรุ่นใหม่นี้ยังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ แต่ยังมาในรูปแบบของแท่งที่เปลี่ยนรีฟิลได้อีกด้วยใครมองหาแอคเซสซอรี่สนุกๆในการแต่งหน้า ชิ้นนี้เป็นอีกชิ้นที่ไม่ควรพลาด ซึ่งสรที่เราอยากแนะนำคือสีแดงสด 999 สีคลาสสิคตลอดกาลที่อยู่คู่แบรดน์มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก เป็นแดงคลาสซี่ที่ใครใช้ก็สวยเด่นอย่างมีระดับ Rouge Allure Velvet Lion De Chanel
เคยสงสัยไหมเวลาจะซื้อลิปแท่งใหม่ บางครั้ง BA ที่ร้านก็ถามว่าชอบเนื้อแบบไหน แต่บางทีก็เรียกไม่ถูกได้แต่อธิบายลักษณะเท่านั้น หรือว่าไปเห็นชื่อลิปสติกเดี๋ยวอีกแบรนด์เขียนคำนี้ พออีกแบรนด์ก็เขียนอีกคำ งานนี้เราฟันธงได้เลยว่า ลักษณะเทกเจอร์ต่างกันแน่นอนจ้า แต่จะมีชื่อเรียกแบบไหน ลักษณะยังไงบ้าง Beauty See First ลิสต์มาให้เข้าใจตรงกันเรียบร้อย Metallic เวลาทาจะเห็นความเป็นประกายวิบวับของพิกเมนต์สี เม็ดสีมีความละเอียด ไม่เน้นเรื่องการให้ความชุ่มชื้นเท่าเนื้ออื่นๆ แต่เน้นลูกเล่นสีสัน จึงมักจะเป็นเฉดสีสว่างเข้ม เหมาะกับทาไปปาร์ตี้ หรืออยากเปลี่ยนลุคให้ดูสนุกสนาน Matte เนื้อมีความชัดมาก และค่อนข้างติดทน เสริมให้ริมฝีปากดูลุคสายฝอ ทากลบสีริมฝีปากเดิมได้มิด แต่อาจจะแห้งหรือตกร่องถ้าสาวๆ คนไหนริมฝีปากแห้ง จึงควรบำรุงด้วยเนื้อบาล์มไม่มีสีช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น Tint มักจะเป็นเนื้อเหลว สีเข้มชัดมากเมื่ออยู่ในแท่งลิปสติก แต่เวลาทาจะให้สีระเรื่อ หลายคนจึงชอบทาทินท์ด้านในริมฝีปาก เพื่อสร้างลุคแบบนางเอกเกาหลี และค่อนข้างติดทนมากกว่าลิปประเภทอื่นๆ Velvet เนื้อจะมีความนุ่มคล้ายผ้ากำมะหยี่นั่นเอง สีชัด ดูปากเบลอๆ เทกเจอร์แบบนี้เกลี่ยง่าย และยังได้ความชุ่มชื้นแต่ไม่ถึงกับฉ่ำหนัก Satin ให้นึกถึงเนื้อผ้าซาตินที่มีความเงาวาว และลื่นๆ เนื้อลิปสติกจึงให้พิกเมนต์แน่น ชัด ริมฝีปากที่ดูเรียบหรู เบาไม่หนักริมฝีปาก Crème อีกหนึ่งเนื้อสัมผัสของลิปที่ช่วยให้สาวๆ มีริมฝีปากอวบอิ่มได้ แต่ไม่ต้องการความแมตต์ด้านเกินไป
เบื่อไหมที่เวลาทาลิปสติกตอนเช้าแล้วสวยฉ่ำมงฯ เชียว แต่พอระหว่างวัน อุ๊ย! เลอะขอบปากบ้าง สีหายไปเหมือนไม่เคยทาบ้าง ครั้งนี้เราจึงถือโอกาสพามารู้จักกับ 3 เคาน์เตอร์แบรนด์ดังที่หลายคนเทใจให้จนซื้อสีเดียวไม่เคยพอ และต้องบอกว่าติดทนนั้น ก็อยู่ในระดับที่รับได้ คือยังมีสีระเรื่อให้เรียวปากแลดูสุขภาพดีนั่นเอง Laneige Tattoo Lip Tint (800 บาท) ลิปจุ่มเนื้อซาตินที่ใช้นวัตกรรมของเกาหลีเพื่อให้สีเรียบลื่น บางเบา และด้วยเทคโนโลนยีเฉพาะของลาเนจจึงยิ่งทำให้ติดทนนาน โดยเป็นการผสานเทคนิคสีน้ำและสีน้ำมันไว้ด้วยกัน และฝังเม็ดสีพร้อมความชุ่มชื้น เคลือบริมฝีปากด้วย Oil Based Tinted Pigment ยิ่งเป็นตัวเสริมให้สีไม่หลุดระหว่างวัน ความรู้สึกหลังทา: เมื่อทาครั้งแรกสีค่อนข้างสด และชัดมากแค่ปากเดียว ไม่ตกร่องหรือทำให้ริมฝีปากแห้ง และเนื้อสัมผัสเบามาก และอีกหนึ่งจุดเด่นเลยของลิปลาเนจตัวนี้ คือหัวแปรงที่มาในรูปหัวตัดที่มีมุมด้านกว้างและแคบ โดยใช้ด้านแคบในการวาดเส้นขอบปากให้คมกริบ ไม่เลอะเทอะ และด้านกว้างแต้มเรียวปากให้เรียบเนียน จึงทาได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม Innisfree Vivid Cotton Ink (380 บาท) เป็นลิปสติกในเนื้อสัมผัสกลอสแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ไม่ได้เน้นการเพิ่มความชุ่มชื้นแค่ริมฝีปากภายนอกเท่านั้น ยังมีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ อย่าง เมล็ดมะม่วง , อะโวคาโด , ดอกคามิเลีย