วันนี้เราจะพาสาวๆมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเจ้าสาร 2 ชนิด ที่น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นส่วนผสมยอดฮิตที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์หลายชนิด หลายยี่ห้อ และได้รับความนิยมไม่น้อยเลยสำหรับ AHA และ BHA ถึงจะเคยได้ยินแต่อาจจะยังสับสนอยู่ใช่ไหมคะว่าเจ้า 2 ตัวนี้มีเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ใช้แทนกันได้ไหม แล้วตัวไหนล่ะที่เหมาะกับฉัน? วันนี้เราจะพร้อมจะพาทุกทุกไปหาคำตอบกันแล้วค่ะ
AHA : Alpha Hydroxy Acid
ชื่อเต็มๆของ AHA ก็คือ Alpha Hydroxy Acid จัดเป็นกรดที่ได้จากน้ำตาล, นม และผลไม้ ยกตัวอย่างเช่น กรด Citric ที่ได้จากผลไม้ตระกูลส้ม, กรด Mandelic ที่ได้มาจากอัลมอนด์, กรด Malic ที่ได้มากจากแอปเปิ้ล, กรด Tartaric ที่ได้จากองุ่น, กรด Glycolic ที่ได้จากอ้อย ซึ่งมีโมเลกุลที่เล็กที่สุดในบรรดา AHA หรือ กรด Lactic ที่ได้จากนม ซึ่งเป็นกรดที่อ่อนโยนที่สุดในบ้าน AHA ทำให้ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้โดยไม่ทำให้รู้สึกระคายเคือง สามารถใช้คู่กับกับสารเติมความชุ่มชื้นอย่าง กรด Hyaluronic ได้
BHA : Beta Hydroxy Acids
ส่วนคุณ BHA เขามีชื่อเต็มๆว่า Beta Hydroxy Acids จัดเป็นกรดจำพวก Salicylic ที่สกัดมาจากเปลือกของต้น Willow หรือที่เรียกว่าต้นหลิวจีน มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้รับความนิยมมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ไม่ได้มีประเภทแยกย่อยแบบ AHA
ความเหมือนของพวกเรา
ทั้ง AHA และ BHA จัดเป็นสารจำพวก Chemical Exfoliant หรือ สารเร่งผลัดเซลล์ผิว ที่ไม่ได้หมายความว่าเป็นสารเคมีสังเคราะห์ แต่หมายถึง การใช้สารที่มีสภาพเป็นกรดเข้าไปเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวในชั้นผิวหนัง แทนการใช้วิธีขัดถู หรือที่เรียกว่า Physical Exfoliant ที่เป็นการใช้สครับขัดบนผิวเพื่อขจัดขี้ไคลหรือเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพบริเวณผิวชั้นนอกออกไป
TIPS :
แท้ที่จริงตามธรรมชาติแล้วผิวของเราจะผลัดเซลล์ผิวเก่าออกด้วยตัวเองทุก ๆ 25 วัน แต่เมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการนี้จะค่อย ๆ เสื่อมถอยลง ทำให้ผิวผลัดตัวเองได้ช้ากว่าที่เคย จึงต้องอาศัย AHA และ BHA เข้ามาเป็นตัวช่วย
AHA
เจ้า AHA นั้นเป็นสารที่สามารถทำละลายได้แค่ในน้ำเท่านั้น จึงไม่สามารถซึมเข้าชั้นผิวลึกๆได้ มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใส และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนเติมความชุ่มชื่นในชั้นผิวอีกด้วย โดยความเข้มข้นที่ปลอดภัยต่อการใช้งานอยู่ที่ไม่เกิน 10% ในผลิตภัณฑ์
BHA
ในขณะที่ BHA นั้นสามารถทำละลายได้ในไขมัน ทำให้สามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนและชั้นผิวผ่านต่อมไขมันได้ลึกกว่า AHA สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก สิ่งอุดตันรูขุมขน ทั้งยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ทำให้การอักเสบของสิวลดลงจึงนิยมใช้เพื่อลดความมันใต้ผิวหนังและใช้รักษาสิว ความเข้มข้นที่ปลอดภัยต่อการใช้งานอยู่ที่ไม่เกิน 2% ในผลิตภัณฑ์
AHA
AHA เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวด้านนอกที่มองเห็นได้ด้วยตา เช่น ปัญหาจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ปัญหาฝ้า กระ หรือริ้วรอยเล็กๆ ทั้งยังเหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ผิวที่คล้ำเสียจากแสงแดด หรือผิวแพ้ง่าย (ใช้ กรด Lactic หรือกรดน้ำนม ซึ่งมีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ)
BHA
BHA เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาในระดับชั้นผิวที่ลึกกว่า จึงเหมาะสำหรับสาวผิวมัน คนที่มีรูขุมขนกว้าง และคนที่มีปัญหาสิวหรือสิวอุดตัน
AHA
การใช้กรด AHAในปริมาณความเข้มข้นเกินควร อาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง เกิดผื่นคัน และเกิดอาการไวต่อแสงแดด ซึ่งทำให้เกิดรอยดำตามมา หรือในกรณีรุนแรงอาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังมากขึ้น
BHA
Salicylic Acid มีผลข้างเคียงน้อยกว่าตัว AHA แต่หากใช้ในปริมาณความเข้มข้นสูงเกินไปก็อาจก่อให้การเกิดการระคายเคือง ผิวแดง ผิวลอก และอาจทำให้ภูมิคุ้มกันของผิวต่ำลงด้วย ทำให้ผิวติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
หลีกเลี่ยงการใช้งานกรดทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน ควรเลือกใช้ตามปัญหาผิวหรือใช้ทีละตัว และควรเริ่มต้นใช้จากความเข้มข้นน้อยๆก่อน และค่อยๆเพิ่มขึ้น จดจำไว้เสมอว่าในการใช้สารจำพวก AHA และ BHA เราต้องหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะการใช้สารที่มีฤทธิ์เป็นกรด อาจทำให้ผิวของเราไวต่อแสงแดดเป็นพิเศษ และระวังการใช้งานร่วมกับสารจำพวก เรตินอล หรือ วิตามินซี เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น และความถี่ในการใช้ คือ ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA ที่เราอยากแนะนำ!
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA
ORIGINS High-Potency Night-A-Mins™ Oil-Free Resurfacing Cream with Fruit-Derived AHAs฿2,100 SHOP PAI SKINCARECopaiba Deep Cleanse AHA Mask + Cloth฿1,500 SHOP DRUNK ELEPHANTT.L.C. Framboos™ Glycolic Night Serum฿3,150SHOP
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA
MARIO BADESCUAcne Facial Cleanser฿625SHOP CAUDALIEPurifying Gel Cleanser ฿1,000SHOP LAB SERIES Oil Control Clearing Solution (Limited Edition) ฿1,100SHOP
