การทำงานที่หนักหน่วงและอ่อนล้า การได้ดื่มตัวช่วยเพิ่มความสดชื่นอย่างกาแฟแก้วโปรดเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาวันเหนื่อยๆ ได้ใช่ไหมคะ แต่อย่าเผลอเติมพลังมากเกินพอดีล่ะ เพราถ้าหากร่างกายของเราได้รับปริมาณคาเฟอีนที่มากเกินไป จากสดชื่นกระปรี้กระเปร่า จะกลายเป็นผลร้ายต่อระบบประสาทได้นะ!
ส่วนประกอบหลักที่ทำให้เวลาเราดื่มกาแฟแล้วรู้สึกสดชื่นก็คือ คาเฟอีน (Caffeine) โดยที่การดื่มกาแฟเอสเปรสโซ 1 – 2 ช็อต เราจะได้รับคาเฟอีนประมาณ 75-150 มิลลิกรัม ซึ่งการดื่มกาแฟเมนูอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คาปูชิโน มัคคีอาโต มอคค่า อเมริกาโน หรือลาเต้ ปริมาณคาเฟอีนที่เราได้รับก็ไม่ได้แตกต่างไปมากนัก เพียงแต่กระบวนการปรุงที่มีการผสมนม ช็อกโกแลต หรือน้ำเชื่อมเข้าไป จะทำให้รสชาติเจือจางลงเท่านั้นเอง (แถมยังไปเพิ่มแคลอรี่และไขมันเข้ามาอีกต่างหาก!)
ต้องดื่มกาแฟปริมาณเท่าไหนถึงจะดีที่สุด?
ปริมาณกาแฟที่เราควรดื่ม ขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีน ซึ่งเจ้าคาเฟอีนนี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองตื่นตัว จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงดื่มกาแฟแล้วรู้สึกสดชื่น หรือบางคนจึงดื่มเวลาที่รู้สึกง่วงนอน แต่ทั้งนี้หากเราได้รับคาเฟอีนมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ หรือมากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อวัน จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงสำหรับภาวะ คาเฟอีนเป็นพิษ (Caffeine toxicity) ซึ่งก็คือภาวะที่ระบบประสาทส่วนกลางถูกกระตุ้นมากเกินไป จนรู้สึกกระสับกระส่าย พูดจาสับสน ปวดท้อง หัวใจเต้นแรง ไปจนถึงเสียชีวิตได้
นพ. สิรวิชญ์ เดชธรรม ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง แพทย์ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี เคยให้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณกาแฟที่เราควรดื่มแต่ละวันเอาไว้ว่า เราควรดื่มกาแฟวันละไม่เกิน 2 แก้ว หรือราวๆ 200 มิลลิกรัม เพื่อที่ร่างกายจะได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่ไม่มากเกินไปและสมองไม่ถูกกระตุ้นมากเกิน ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของ พญ.ธิติมา เหล่าศิริรัตน์ สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลเปาโล ที่ได้แนะนำไว้ว่า สำหรับคนทั่วไปควรได้รับคาเฟอีนไม่เกินประมาณวันละ 200 – 400 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากาแฟประมาณ 1-2 แก้ว และยังมีงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังวางแผนที่จะมีลูกหรือวางแผนการตั้งครรภ์ การบริโภคกาแฟหรือชาปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลให้มีบุตรยาก ครรภ์ผิดปกติ ไปจนถึงมีโอกาสแท้งได้